วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2554

พื้นฐานการลงทุนในหุ้น จาก www.chaloke.com(โดยคุณboyslaw )

บทที่ 1 
ก่อนจะลงทุนว่าด้วยเรื่องเหตุผล คิดยังไง ทำไมจึงต้องลงทุน

1. การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ (แทนที่จะเล่นหุ้น) มีทางมีกำไรที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าเงินฝาก : Chaloke
2. ลงทุนเพราะ "อยากเอาเงินมาต่อเงิน" เพราะคิดอย่างละเอียดแล้วว่าเงินเก็บในธนาคารที่ฝากไว้เฉยๆ ไม่งอกเงยเท่าที่ใจอยากได้และคิดว่าถ้านำไปลงทุนในหุ้นจะได้ผลตอบแทน (กินเงินปันผล) มากกว่าฝากธนาคารอย่างมาก : Oppa-Jan
3. ลงทุนเพราะ “อยากรวย”
4. ลงทุนเพราะ ”อยากเกษียณเร็ว”
5. ลงทุนเพราะ “ไม่อยากดิ้นรนขวนขวายทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำจนแก่ตาย”
6. ลงทุนเพราะ “อยากหาเงินไว้ให้ลูก”
7. ลงทุนเพราะ “อยากเป็นอิสระทางการเงิน”
8. ลงทุนเพราะ “อยากมีเวลาว่างสำหรับใช้ชีวิตในการสร้างบุญบารมี”
9. ลงทุนเพราะ “ไม่ต้องเสียภาษี ไม่ต้องมีลูกน้อง ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการประกอบกิจการ” : Tui123
10. ลงทุนเพราะ “อยากได้เงิน อยากรวย แล้วได้ในสิ่งที่ปรารถนา แล้วจะมีความสุข” : NewLife
11. เริ่มมาลงทุนเพราะคิดว่าได้ปันผลดีกว่าดอกเบี้ย : SL
12. ลงทุนเพราะ “การนำเงินออมมาบริหาร ให้มันงอกเงย เพื่อ back up ชีวิตคนทำงานกินเงินเดือน” : tongandtong
13. ลงทุนเพราะ “ไม่อยากนั่งทำงานออฟฟิศ เปิดธุรกิจทำเองไม่ไหว (เหนื่อยกว่าเป็นลูกน้องเค้าอีกนะ) ไม่อยากมีลูกน้อง ขี้เกียจบริหารคน ปวดหัว ให้เงินทำงาน ทำได้เองคนเดียว ไม่ต้องยุ่งกะใคร : ohyooha
14. ......................

กฎเหล็ก 3 ข้อ เริ่มมาจากทฤษฎีดาว Dow's Theory
Technical analysis เริ่มต้นจาก Dow’s Theory โดย Charles H. Dow และ Edward D. Jones ก่อตั้ง Dow Jones & Company ในปี 1882 และเริ่มสร้าง Dow Jones Industrial Average (^DJX) และ Dow Jones Transport Average (^DJT) ปัจจุบันนี้ มี Dow Jones Averages ต่างๆอยู่ในตลาดถึง 1,740 Indices
Dow’s Theory มีหลักที่สำคัญอยู่ 8 ข้อ คือ......(ขอย้ำ 8 ข้อ นะครับ)ใครรู้บ้างว่า 8 ข้อ เริ่มแรก มีอะไรบ้างน้อ..?.......
ตอบ..................

Dow’s Theory มีหลักที่สำคัญอยู่ 8 ข้อ คือ
1. The Averages discount everything ราคาที่ปรากฎในตลาด เป็นผลมาจากความปรารถนาของมหาชน ไม่ว่า Fundamentals หรือ Indicators อื่นๆ จะแสดงอะไรก็ตาม ให้ถือ Price Pattern ของ Index เป็นใหญ่ อย่าไปเชื่อข้อมูลลับที่ลือกันในตลาด
2. There are three trends in stock prices นักลงทุนต้องแยกแยะ
2.1 Primary Tide เป็น Major long-term trend และ
2.2 Secondary Reactions เป็น Intermediate-term trend และ
2.3 Ripples เป็น Minor day-to-day fluctuations สำหรับ Short-term traders
3. Bull Market คือ Primary Tide อยู่ใน Up-trend ประกอบด้วยคลื่น 3 คลื่น
3.1 คลื่นแรก (Wave 1) มาจากนักลงทุนที่มีความสามารถเห็นแนวโน้มก่อนตลาด
3.2 คลื่นที่สอง (Wave 3) เป็นคลื่นของนักลงทุนทั่วๆไป เข้ามาตามสัญญาณ และ
3.3 คลื่นที่สาม (Wave 5) เมื่อตลาด Bullish เต็มที่ แมงเม่าเข้ามาบินว่อนเล่นไฟ
4. Bear Market คือ Primary Tide อยู่ใน Down-trend ประกอบด้วยคลื่น 3 คลื่น
4.1 คลื่นแรก (Wave 1) มาจากนักลงทุนที่มีความสามารถเห็นแนวโน้มก่อนตลาด
4.2 คลื่นที่สอง (Wave 3) เป็นคลื่นของนักลงทุนทั่วๆไป ตกใจขาย และ
4.3 คลื่นที่สาม (Wave 5) เมื่อตลาด Bearish เต็มที่ แมงเม่าขาย at any price
5. The two Averages must confirm each other การกำหนด Primary Tide ว่าเป็น Bullish ทั้ง ^DJI และ ^DJT ต้องมี New Higher Peaks และการกำหนด Primary Tide ว่าเป็น Bearish ทั้ง ^DJI และ ^DJT ต้องมี New Lower Troughs ข้อนี้เราเอามาดัดแปลง โดยพิจารณาหุ้นแต่ละตัวหรือแต่ละ Sector เปรียบเทียบกับ SET Index หรือ SET100 Index
6. Use only Closing price at the end-of-day ราคาระหว่างวันไม่นำมาพิจารณา การอยู่ไกล้ตลาดมากเกินไปมักทำให้ตัดสินใจผิดพลาด
7. The Primary Tide remains in effect until reversal has been signalled by both averages แปลง่ายๆว่า อย่ารีบขายหมู
เมื่อย้อนกลับไปอ่านบทเริ่มต้นของบทความนี้ ผมเขียนว่า “Dow’s Theory มีหลักที่สำคัญอยู่ 8 ข้อ” แต่เขียนเอาไว้แค่ 7 ข้อ ไม่รู้ว่ามีใครสงสัยบ้างว่าข้อที่ 8 คืออะไร
8. The Theory is not infallible. If someone did find such a system, then he or she will own the world in relatively short order and speculation as we know it will not exist.
คงไม่ต้องแปลนะครับ ถ้าทฤษฎีต่างๆ ถูกต้องแน่นอน 100% พวกเราคงรวยกว่าทักษิณกันเป็นแน่ การที่เราสามารถมองเห็น Pattern ต่างๆได้ก่อนคนอื่น ทำให้เราสามารถเข้าตลาดได้ก่อนคนอื่น และออกได้ก่อนคนอื่นด้วย โดย Average แล้ว Chance ของเราจะดีกว่าคนอื่น Probability ที่จะได้กำไรสูงกว่าคนอื่น แต่ก็ไม่ไช่การ Guarantee ว่าจะถูกเสมอไป ดังนั้น การ Apply century old
Dow’s theory กับการลงทุนของพวกเรา จึงเป็นการเพิ่ม Probability ของการได้กำไร และเพื่อป้องกัน Short fall ของ Dow’s theory ในข้อสุดท้ายนี้ ลุงโฉลกจึงขอเสนอ CDC Theory ข้อที่ 1 เพื่อนำไปต่อท้ายเป็น Dow’s theory ข้อที่ 9 ว่า Take good care of the Stop Loss and the profit will look after itself.
บทความโดย : UNCLE CHALOKE
เครดิต:http://www.chaloke.com

Philosophy of Technical Analysis
คำจำกัดความของฝรั่ง
Technical analysis is the study of market action, primarily through the use of charts, for the purpose of forecasting future price trends.
แต่คำว่า Forecasting นี้มันช่างไม่ Scientific เอาเสียเลย การ ทำนายอนาคต ฟังดูแล้วเหมือนเป็นเรื่องของ หมอดู
คำจำกัดความของ chaloke.com จึง ไม่ทำนาย แต่เอา Probability มาใช้ให้เกิดประโยชน์ คือ เพื่อให้ได้กำไร
Technical analysis is the study of the probability of possible market price patterns, primarily through the use of charts, for the purpose of making profit.
เราลงทุนเพื่อให้ได้กำไร
ไม่ใช่เพื่อเอาชนะตลาด
ไม่ใช่เพื่ออวดว่าลงทุนทีไรกำไรทุกที
ไม่ใช่เพื่อแสดงว่าเก่ง ซื้อได้ที่ราคาต่ำสุดๆ ขายได้ที่ราคาสูงมากๆ
แต่เราลงทุนเพื่อให้ได้กำไร

คือ กฎเหล็ก 3 ข้อ ที่นักลงทุน จำเป็น ต้องศึกษาให้เข้าใจ และ จำเป็น ต้องยอมรับ
ถ้ายังไม่สามารถยอมรับกฎ 3 ข้อนี้ได้
ก็ไม่ควรมาลงทุนโดยอาศัย Technical Analysis


กฎเหล็ก 3 ข้อ
1. Market action discounts everything
หมวดที่ 1 การวิเคราะห์เศรษฐกิจและอุตสาหกรรม
- แนวคิดการวิเคราะห์ด้วยปัจจัยพื้นฐาน
- วิเคราะห์เศรษฐกิจโดยรวม
- วิเคราะห์อุตสาหกรรม
หมวดที่ 2 การวิเคราะห์บริษัท
- วิเคราะห์บริษัทเชิงคุณภาพ
- วิเคราะห์บริษัทเชิงปริมาณ
หมวดที่ 3 การประเมินมูลค่าหุ้นสามัญ
- แนวคิดการประเมินมูลค่าหลักทรัพย์
- การประเมินมูลค่าหุ้นสามัญ
- การวิเคราะห์ข้อมูลจากบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ และ
- งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
Workshop การเลือกหุ้นโดยคำนึงถึงมูลค่าที่แท้จริง (Intrinsic Value) โดยใช้เทคนิคการ คิดลด กระแสเงินสด และเทคนิคการประเมินมูลค่าที่เกี่ยวข้อง
หมวดที่ 4 เหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์
- การซื้อหุ้นคืน
- การเพิ่มทุน/ลดทุน
- การแตกพาร์
- การควบรวมกิจการ
- การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารหรือนโยบายที่สำคัญ
หมวดที่ 5 การโกหกของผู้บริหาร และการทุจริตโดยใช้ Insiders’ information
หมวดที่ 6 การไม่วิเคราะห์ของกลุ่มแมงเม่า
หมวดที่ 7 Greed and Fear ของ Speculators

กฎข้อแรกนี้สำคัญที่สุด
ถ้าไม่เข้าใจแล้ว การใช้ Technical analysis ก็จะไม่เกิดผลเลย
เราต้องยอมรับหลักการที่ว่า Fundamental factors ทุกอย่าง ระบบบัญชีและระบบธุรกิจทุกระบบที่เราไม่เข้าใจ จะส่งผลมาที่ราคา รวมทั้งเรื่องการเมือง และเรื่องจิตวิทยาของตลาดด้วย
โดยสรุปคือ ราคาที่ปรากฏ เป็นผลของ Demand/Supply ที่ตลาดกลั่นกรองในทุกๆด้านแล้ว


2. Prices move in trends
The Market Has Three Trends Uptrend, Downtrend and Sideway
A trend has three parts
2.1 Primary คือ Trend ใหญ่ มักยาวเป็นปี
2.2 Secondary คือ Corrections มักใช้เวลาตั้งแต่ a few weeks to a few months และ
2.3 Minor คือเป็น Ripples เล็กๆใน Corrections

A Trend Is Assumed to Be in Effect Until It Gives Definite Signals That It Has Reversed
เมื่อราคาขึ้น ราคาจะขึ้นต่อ จนกว่าราคาจะลง และเมื่อราคาลง ราคาจะลงต่อ จนกว่าจะขึ้น
Newton’s first law of motion
เมื่อราคาขึ้น ราคาจะขึ้นต่อ จนกว่าราคาจะลง
และ เมื่อราคาลง ราคาจะลงต่อ จนกว่าจะขึ้น

ตลาดมี Trend เสมอ
ตลาดทุนก็ไม่เที่ยง มีการเปลี่ยนแปลง
เมื่อตลาดมีการเปลี่ยนแปลง ตลาดก็ต้องขึ้นหรือลง ไม่คงที่อยู่
เมื่อตลาดขึ้นหรือลง ตลาดก็มี Trend

เมื่อตลาดมี Trend การลงทุนเพื่อให้ได้กำไร ก็ต้องใช้ Trend following system ที่พิจารณาแล้วว่าเหมาะสมกับนิสัยของเรา
การลงทุนเพื่อให้ได้กำไร จึงต้องไม่ทำ against trend
ถ้าตลาดอยู่ใน Up trend ก็อย่าเล่น Short ภาษาไทยเรียกว่า อย่าเป็นชาวสวน รอให้ตลาดหยุดขึ้นเสียก่อนแล้วค่อยขาย
และเมื่อตลาดอยู่ใน Down trend ก็อย่าเพิ่ง Long รอให้ตลาดหยุดลงเสียก่อนจึงค่อยซื้อ

3. History repeats itself
ราคาจะขึ้นหรือลงก็ขึ้นอยู่กับ คน เข้าไปซื้อ หรือขาย
คน เหล่านั้น ถึงจะเปลี่ยนหน้าไปอย่างไรก็ตาม แต่ก็มีสองสิ่งที่เหมือนเดิม คือ Greed and Fear ซึ่งทำให้เกิด Trading patterns ซึ่งจะเกิดขึ้นอีกซ้ำเดิมเสมอ

Those who fail to learn the lessons of history are doomed to repeat them. แปลว่า ถ้าเรารู้ Pattern การเคลื่อนไหวของตลาดในอดีต ตลาดก็จะเคลื่อนไหวต่อไปในอนาคตด้วย Pattern เดิมนั้น แปลว่า ถ้าเราซื้อขายด้วย ระบบ อย่างมี ระเบียบได้ รวยแน่
ใครรับข้อ 1 และข้อ 2 ไม่ได้ ก็อย่าเล่นหุ้น


สรุปกฎเหล็ก 3 ข้อ
1. Market action discounts everything พิจารณาเฉพาะ Price Data ไม่พิจารณา Fundamental Data เช่นค่า P/E, ฯลฯ
2. Prices move in trends ไม่ช้อนซื้อ เพราะเมื่อราคาลง จะลงต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะขึ้น ไม่ Take profit เพราะเมื่อราคาขึ้น จะขึ้นต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะลง
3. History repeats itself ซื้อขายด้วย ระบบ อย่างมี ระเบียบ

ที่มา : bunlue นพ.บรรลือ เฮงประสิทธิ์ (31 มกราคม 2553)
ต้นฉบับ : Seminar on Technical Analysis ครั้งที่ 1/12 อาคารอมรภูมิรัตน ม.เกษตรศาสตร์ โดยคุณลุงโฉลก (11 มิถุนายน 2549)
เครดิต:http://www.chaloke.com

Trade Your Way to Financial Freedom
เขียนโดยนักจิตวิทยา Dr. Van Tharp ก็ได้เขียนไว้ชัดเจนว่า
ความสำเร็จในการลงทุนนั้น
Trading System มีความสำคัญ 10%
Money Management 30%
และ 60% ไปสำคัญที่ psychology จิตวิทยา
วิธีคิดของนักลงทุนเกี่ยวกับการลงทุน เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการลงทุนที่ประสบความสำเร็จ

ระบบการลงทุน
ประกอบด้วยคำสั่งแค่ 3 คำสั่ง คือ
Entry (Buy or Sell)
Exit (Sell or Buy)
และ Money Management

Trading System
1. BoonC PnT 1.1 (CDC PnT 1.1 Original)
2. BoonC PnT 1.1 ADX
3. CDC 1.01
4. CDC 1.005
5. CDC RSI 753
6. CDC 2MA AFET
7. CDC ATR Trailing Stop
etc.

ขอแนะนำ สูตรเด็ดเคล็ดไม่ลับของชมรมโฉลกดอทคอม
ที่มาจากคุณหมอ boonc(คุณหมอบุญช่วย)ศิษย์รุ่นแรก ของคุณลุง ที่เป็นผู้คิดค้นสูตรนี้ขึ้นมาและได้ปรับปรุงจนไม่มี bug และทำกำไรให้สมาชิกอย่างพอเพียงและอยู่อย่างเพียงพอ เอาเวลาที่เหลือไปสร้างสมบุญบารมีกัน

1. BoonC PnT 1.1 (CDC PnT 1.1 Original)
Buy เมื่อราคาปิด Close สูงกว่า Previous Peak
{Buy when} Close > Peak(1,Close,1);
Sell เมื่อราคาปิด Close ต่ำกว่า Previous Trough
{Sell when} Close < Trough(1,Close,1);

{Boonc PnT 1.1 Original}
{Highlights}
{Bullish}
Pct:=1;
Pk:=Peak(1,C,Pct);
Tr:=Trough(1,C,Pct);
Upper:=Ref(ValueWhen(1,Pk<>Ref(Pk,-1),C),-1);
Lower:=Ref(ValueWhen(1,Tr<>Ref(Tr,-1),C),-1);
Bullish:=BarsSince(Cross(C,Upper))<BarsSince(Cross(Lower,C));
Bearish:=BarsSince(Cross(C,Upper))>BarsSince(Cross(Lower,C));
Bullish;

{Bearish}
Pct:=1;
Pk:=Peak(1,CLOSE,Pct);
Tr:=Trough(1,CLOSE,Pct);
Upper:=Ref(ValueWhen(1,Pk<>Ref(Pk,-1),CLOSE),-1);
Lower:=Ref(ValueWhen(1,Tr<>Ref(Tr,-1),CLOSE),-1);
Bullish:=BarsSince(Cross(C,Upper))<BarsSince(Cross(Lower,C));
Bearish:=BarsSince(Cross(C,Upper))>BarsSince(Cross(Lower,C));
Bullish;
***หมายเหตุระบบซื้อขายหรือว่าสูตรข้างต้น ใช้กับโปรแกรมmetastock เท่านั้น

ต้องมี ระเบียบ ใน ระบบ
ต้องใช้ Trend following system
ต้องรู้ชัดถึงเรื่อง Pattern recognition
และต้องรู้สัญญาณ Trend reversal
โดยมี Portfolio Management & Money Management ที่ถูกต้อง

Stop loss
ความไม่เที่ยงของตลาดทุน ไม่พยายามเอาชนะตลาด แต่ใช้ความรู้และประสบการณ์ทั้งหมดมาพิจารณาลดความเสี่ยงในการขาดทุน
โดย การลงทุนตาม ระบบ และการรักษาระเบียบการ Stop loss อย่างเคร่งครัด คือหัวใจของการลงทุนเพื่อให้ได้กำไร

Portfolio Management
อย่าเสี่ยงลงทุนเกิน 2% ของ Portfolio ในการลงทุนแต่ละครั้ง
เพราะธรรมชาติของตลาด Futures เป็น Leverage ประมาณ 1:10 ถึง 1:15 (ตลาด options อาจมี Leverage สูงถึง 1:250)
การกำหนด Percentage แบบนี้ เป็นการเรียนรู้การควบคุมความโลภ

ระบบ “กำไรพอเพียง”
ระบบ ที่มีกำไร พอเพียง และเข้ากันได้กับวิถีชีวิตของเรา
แล้วใช้ชีวิตทำตาม ระบบ นั้นๆ อย่างมีระเบียบ
นี่คือความสุขที่แท้จริง ความสุขที่เกิดจากการมีทรัพย์อย่างยิ่ง คือความ พอเพียง นั่นเอง
ไม่ใช่ความทุกข์ที่ปลอมมาในรูปของความสุขชั่วคราว ที่ได้จากการทำกำไรให้มากที่สุด
ที่ไม่มีทางทำได้สำเร็จด้วยความพยายามทำ
เพราะบุคคลจะมีทรัพย์มากหรือน้อยเท่าไหร่ ก็เป็นไปเพราะทานบารมีที่สร้างสมเอาไว้ในอดีตเท่านั้น
ที่มา : bunlue นพ.บรรลือ เฮงประสิทธิ์ (31 มกราคม 2553)
ต้นฉบับ : Seminar on Technical Analysis ครั้งที่ 1/12 อาคารอมรภูมิรัตน ม.เกษตรศาสตร์ โดยคุณลุงโฉลก (11 มิถุนายน 2549)
เครดิต:http://www.chaloke.com

เรามาเรียนกันต่อครับ (ทฤษฏี นะ 555)ภาคปฏิบัติเด๋วคุณหมอน้ำจัดการให้ คริคริ :D
คำสอนของคุณลุงโฉลก
เอาทีละขั้นเถอะครับ
ขั้นแรก ซื้อขายหุ้น SET ธรรมดา ใช้ ระบบ ให้เป็นก่อน ห้ามแหกกฏเด็ดขาด ทำตาม ระบบ ย่อมได้กำไรแน่ กำไรจนเบื่อหรือยังครับ
ขั้นที่สอง ลองเล่น AFET และ TFEX ให้ได้กำไรจนเบื่อก่อน
เมื่อกำไรจนเบื่อแล้ว เข้าใจ ระบบ แล้ว ค่อยลอง Commodity Futures
กำไร Commodity Futures จนเงินเหลือใช้แล้ว เริ่มเล่น Option
รวยจาก Option แล้วค่อยไป Forex
ขนาดธนาคารชาติยังเจ๊งไปเป็นแสนล้านบาท คราวที่แล้วก็ต้มยำกุ้ง ประเทศเกือบล่ม ก็เพราะ Forex นี่แหละครับ คราวนี้ก็โดนไปอีกเป็นแสนล้าน แล้วพวกเราเก่งแค่ไหนหรือครับ เชื่อลุงเถอะ หัดใช้ ระบบ ให้เป็นก่อน ไม่ต้องรีบบินเข้ากองไฟครับ
ที่มา : Oui นาวาอากาศโท อรรถพันธ์ ญาณกรธนาทรัพย์ (31 มกราคม 2553)
เครดิต:http://www.chaloke.com

หลักสำคัญ 3 ประการของการลงทุน คือ
1. ความรู้ทางด้าน Technical analysis
พื้นฐาน สำหรับมือใหม่ ไม่ต้องคิดมาก เขียวซื้อแดงขาย ตามระบบ CDC PnT 1.1 Original (Trading System มีความสำคัญ 10%)
ถ้าอยากรู้มากรู้ลึก ต้องศึกษาเพิ่มเติมเองนะครับ มีทั้งแบบฟรีและแบบเสียตังค์

2. ความรู้ทางด้าน Money management มีความสำคัญ 30%ให้ใช้ ระบบ CDC PnT 1.1 Original จัดพอร์ตแนวทางโฉลกดอทคอม ดังนี้
2.1 กำหนดขนาดของ Portfolio ให้แน่นอนก่อนเริ่มลงทุน โดยพิจารณาจำนวนเงินที่สามารถนำมาเสี่ยงได้อย่างสบายใจ อย่าลงทุนมากเกินกำลังความสามารถที่จะรับความเสี่ยงได้ ( หรือ ยอมสูญเสียเงินจำนวนนี้ได้ หรือยอมให้เป็นศูนย์ได้)

2.2 ไม่เปลี่ยนขนาดของเงินลงทุนใน Portfolio นั้น เป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปี

2.3 เลือกตลาดที่นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่มีความสามารถ เช่น ตลาดหุ้น (SET) ของประเทศไทย แทนที่จะไปเลือกตลาดที่คู่แข่งขันเป็นผู้ชำนาญการพิเศษ เช่นตลาด Futures, Options, Spread, Straddle หรือ Arbitrage

2.4 กระจายความเสี่ยงไปในหุ้นหลายๆ ตัว จากหลายๆ Sectors หรือเลือกจาก SET50

2.5 ไม่เปลี่ยนแปลงหุ้นที่เลือกแล้วอย่างน้อย 2 ปี ไม่เพิ่ม ไม่ลด

2.6 กำหนดขนาดของเงินลงทุนไม่เกิน 80% ของปริมาณเงินใน Portfolio โดยหุ้นแต่ละตัวมีปริมาณเงินลงทุน ตายตัว ไม่เพิ่ม ไม่ลด ไม่เปลี่ยนแปลง อย่างน้อย 2 ปี (ติดต่อขอเมล์จัดพอร์ต Set50Trading Account ได้ที่เวบบอร์ดครับ)
3. ความรู้ทางด้าน Psychology of investment มีความสำคัญ 60%คือ การทำใจ ทำตามระบบ CDC PnT 1.1 Original เขียวซื้อ แดงขาย ให้ได้ โดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น (ถ้าคุณแน่ อย่าแพ้ระบบ)

Psychology of investment ที่ได้มาจากความชำนาญ เป็นสิ่งที่ไม่มีทางลัด ต้องอาศัยเวลายาวนานในการเรียนรู้การลงทุนตามระบบ ชมรมขอชี้แนะทางลัดขั้นแรกให้แก่สมาชิก นั่นคือการสร้าง ทานบารมี เพิ่มพูนทานบารมีด้วยปัญญาจนกระทั่งเกิดดวงตาเห็นธรรม มองเห็นความ พอเพียง ซึ่งเป็นหัวใจที่สำคัญที่สุดของการลงทุนที่ประสบความสำเร็จ
สมาชิกที่รู้จักความ พอเพียง ลงทุนโดยมี Money management อย่างเป็น ระเบียบ และใช้สูตรที่เหมาะสมกับความต้องการในการลงทุนและเข้ากับนิสสัยของตัวเอง คือสมาชิกที่ลงทุนอย่างเป็น ระบบ ซึ่งจะเป็นการปิดประตูขาดทุนได้อย่างแน่นอน
สรุป
ทำตามระบบ รวยตามระเบียบ แบ่งทำบุญตามปกติ และอยู่อย่างพอเพียง

ที่มา : Chaloke (14 กุมภาพันธ์ 2553) : ของขวัญวันเปิด Web ใหม่ และเนื่องในโอกาสวันตรุษจีน และวัน Valentine’s Dayเครดิต:http://www.chaloke.com


สรุปสูตร ที่แนะนำให้ใช้
a. CDC PnT 1.1 สำหรับนักลงทุนระยะยาว ประมาณ 1-3 เดือน (มาตรฐาน)กำไรพอเพียง
b. CDC Hi-Lo 3 สำหรับนักลงทุนระยะกลาง ประมาณ 1-4 สัปดาห์ (เข้าออกไว)
c. CDC Sensitive 1.1 สำหรับนักลงทุนระยะสั้น ประมาณ 1-7 วัน(เข้าออกไว๊ไว)

ยิ่งไวยิ่งฟอล์ซเยอะนะขอรับ :mrgreen: 



สรุป เครื่องมือช่วยในการเทรด
1. โปรแกรมวิเคราะห์หุ้น
ที่นิยมใช้กัน
Metastock (ชมรมเรานิยมใช้กันมาก)
Ammibroker
ฯลฯ

2. โปรแกรมโหลดข้อมูล
The Stock Downloader version 2.0 build 20100216
ได้รับความอนุเคราะห์จาก เสี่ยสาม หรือ เสี่ยไตรสิทธิ์ (หลวงพี่) โปรแกรมแจกฟรีสำหรับสมาชิกทุกท่านครับ
3. โปรแกรมฝึกเทรดหุ้น
MS Simulator
ได้รับความอนุเคราะห์จาก เสี่ยสาม หรือ เสี่ยไตรสิทธิ์ (หลวงพี่) โปรแกรมแจกฟรีสำหรับสมาชิกทุกท่านครับ

เมื่อมีเครื่องมือครบ และใช้เครื่องมือเป็นแล้ว ก็มาเริ่มกันต่อที่
ขั้นตอนการเทรดในบทที่ 3 กันต่อครับ

(วิธีง่ายที่สุดในการได้โปรแกรม และการใช้เครื่องมือเทรด และข้อมูล คือ เข้าอบรมคอร์ส CDC101-CDC102ของชมรมโฉลกดอทคอม)

ก่อนจะไป บทที่ 3 เรื่อง เริ่มต้นลงทุนตลาดหลักทรัพย์ในเมืองไทย

ขอนำสู่บทเรียนในชีวิตที่ต้องปฏิบัติกัน ปฏิบัติควบคู่ไปกับการมีชีวิตอยู่ ก่อนลงทุน และก่อนตายนะครับ :D

มาเรียนกันต่อครับ
เพราะชีวิต คือ การลงทุน
ก่อนจะลงทุน หรือ ลงทุนอยู่แล้ว ควรทำอะไรควบคู่กันไปกับการดำเนินชีวิตที่เหลืออยู่
เพื่อเป็นการเตรียมตัวตายไปในตัว
ข้อคิดและแนวทางการดำเนินชีวิตสไตล์โฉลกดอทคอม ครับ
2.2 เรียนเรื่องลงทุนในชีวิต ปัจจุบัน อนาคต
2.2.1 หมั่นสร้างสมบุญบารมี ได้แก่ ทานบารมี ศีลบารมี ภาวนาบารมี เพื่อชีวิตในปัจจุบัน ในอนาคต และในโลกหน้า
ขั้นต้นที่สุด คือ สร้างทานบารมี
ขั้นที่สอง คือ ศีลบารมี (ศีล 5 ศีล 8) ควรทำควบคู่กันไปกับทานบารมี
ขั้นที่สามหรือขั้นสุดท้ายหรือขั้นสุดยอด คือ ภาวนาบารมี ปฏิบัติเจริญกรรมฐาน ควรทำควบคู่กันไปกับทานบารมี ศีลบารมีและการลงทุน
2.2.2 พอเพียง (สันโดษ)
"สันตุฏฐีปรมังธนัง ความพอใจและยินดีในสภาวะที่เป็นอยู่ปัจจุบัน(สันโดษ) คือทรัพย์อย่างยิ่ง"
2.2.3 ความ โลภนั้น หาที่สิ้นสุดไม่ได้ "นัตถิตัณหาสมานที ห้วงน้ำยิ่งใหญ่เสมอด้วยตัณหาไม่มี"
2.2.4 ไฟ ที่ร้อนแรงยิ่งกว่าไฟในเตาเผาศพ ร้อนแรงยิ่งกว่าไฟในอเวจีมหานรก ก็คือไฟราคะ ไฟโทสะ และไฟโมหะ

"...ระยะนี้เรามาตักตวงกำไรจาก ของร้อน ด้วยกันก่อน ลงทุนเต็มที่ ใช้ ระบบ อย่างมี ระเบียบ กันทุกคนนะครับ
ทองคำ ก็ร้อน โลหะมีค่าต่างๆก็ร้อน Commodities ก็ร้อน ทุกสิ่งทุกอย่างร้อนแรง ระยะนี้ใครขาดทุนได้ก็แปลกปลาดสิ้นดี ระบบของเรามีกำไรทุกระบบ ขอให้พิจารณาด้วยสตินะครับ การลงทุนตามอารมณ์โลภและกลัวแบบๆเดิม ไม่มีทางเทียบได้กับการลงทุนตามระบบ ลงทุนง่าย กำไรแน่ ไม่เข้าใจเหมือนกันที่ทำไมยังมีคนอีกจำนวนมากที่หลงเชื่อ Fundamental analysis system อยู่อีก
ไฟ อะไรจะร้อนแรงกว่ากัน หุ้นก็ขึ้น TFEX ก็ขึ้น ยางพาราก็ขึ้น ทองคำก็ขึ้น ความร้อนแรงในตลาดทุนกำลังเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น ทำบุญแล้วก็หันมาเล่น ของร้อน กันดีกว่า ขอให้สมาชิกทุกคนใช้ ระบบ อย่างมี ระเบียบ ทำกำไรกันทั่วหน้าทุกคนนะครับ
ไฟที่ ร้อนแรงกว่านั้นอีก คงจะเป็นไฟในเตาเผาศพ ในที่สุดพวกเราทุกคนก็จะมาจบทุกสิ่งทุกอย่าง ณ ที่ตรงนี้ ทรัพย์สมบัติทั้งหมดก็จะทิ้งไว้ที่เดิม ทิ้งไว้ในโลก เอาไปได้แต่วิบากกรรม คือผลของกรรมที่กระทำกันเอาไว้
แต่ไฟ ที่ร้อนแรงยิ่งกว่าไฟในเตาเผาศพ ร้อนแรงยิ่งกว่าไฟในอเวจีมหานรก ก็คือไฟราคะ ไฟโทสะ และไฟโมหะ ที่เผาใจเราอยู่ทุกวันนี้ ชักจูงคนที่ไม่มีสติ ให้ไปทำบาปทำกรรม เสมือนโคควายตัวใหญ่ แต่เด็กน้อยก็สามารถจูงมันเข้าไปสู่โรงฆ่าสัตว์ได้ เพราะเชือกมันร้อยรูจมูกอยู่ ถูกเขาสนตะพาย ขัดขืนไม่ได้ มนุษย์ที่ขาดสติก็เป็นเสมือนควาย ปล่อยให้กิเลสตัณหามันจูงจมูกไปทำบาปทำกรรมได้ทุกประการ
ความ โลภนั้น หาที่สิ้นสุดไม่ได้ นัตถิตัณหาสมานที ห้วงน้ำยิ่งใหญ่เสมอด้วยตัณหาไม่มี พวกเราจะปรารถนาความร่ำรวยกันแค่ไหน ลาภยศสรรเสริญสุข เป็นโลกธรรม ที่มาคู่กับเสื่อมลาภเสื่อมยศนินทาทุกข์ คนมีสติก็ไม่ควรหลงติดอยู่ในโลกธรรมเหล่านี้ ถึงแม้จะปรารถนาสักเท่าไหร่ มนุษย์ก็สามารถมีลาภยศสรรเสริญสุข เพียงแค่ที่เคยสั่งสมบุญมาในอดีตชาติเท่านั้น ระบบการลงทุนของลุงโฉลก ให้ผลกำไรมหาศาลสำหรับผู้มีบุญ แต่ผู้ไม่มีบุญก็ได้แต่นั่งสงสัย ว่าทำไมเราถึงทำตามระบบไม่ได้สักที ความ พอเพียง ต่างหาก ที่เป็นกุญแจสำคัญของการลงทุน ถ้าไม่รู้จัก พอเพียง ถึงจะได้กำไรเท่าไหร่ก็ไม่พอ ต่อเมื่อรู้จักความ พอเพียง แล้ว เมื่อนั้น มนุษย์ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นผู้มีทรัพย์อย่างแท้จริง สันตุฏฐีปรมังธนัง ความพอใจและยินดีในสภาวะที่เป็นอยู่ปัจจุบัน คือทรัพย์อย่างยิ่ง ระบบ เศรษฐกิจพอเพียง ของพระเจ้าอยู่หัวนั่นเอง คือหัวใจของระบบการลงทุนของ chaloke.com เราพอใจในผลกำไรของเราครับ แค่นี้ก็พอดีแล้ว..." : Chaloke “ของร้อน” จันทร์, 26 มีนาคม 2007

2.2.5 การหวังความมั่งคั่งร่ำรวยโดยไม่มีทานบารมี เป็นเรื่องไร้สาระที่เป็นไปไม่ได้ ผู้ที่ให้ทานด้วยวัตถุทานอันสมควรด้วยความเคารพในพระภิกษุผู้ทรงศีล ย่อมได้อานิสงส์แห่งทานทั้งในชาตินี้และในชาติหน้าต่อๆไป การทำบุญทำทานนั้น ไม่ต้องมาก ขอเพียงเป็นเงินที่ได้มาโดยชอบ ไม่ใช่เงินที่ไปทุจริตคดโกงใครมา ให้ทานด้วยความเคารพ ทำบุญในนาบุญ กำหนดจำนวนเท่ากับกำลังของเทวดานพเคราะห์ คือ ฿108 บาท อย่าเกิน อย่าขาด ร่วมกันทำบุญทำทานด้วยกันนะครับ ชาตินี้จะได้รวยตาม ระบบ อย่าง พอเพียง ด้วยกัน และชาติหน้าก็จะได้มาร่วมลงทุนร่ำรวยด้วยกันอีก ขออย่าตระหนี่เงิน ฿108 บาท กฐินเป็นกาลทานที่มีพระพุทธานุญาตเอาไว้ถูกต้องตามที่ปรากฏในพระไตรปิฎก กฐินทานเป็นทานที่มีอานิสงส์สูงที่สุด ขอเชิญชวนสมาชิกทุกคน อย่าพลาดโอกาสนี้นะครับ มาทำบุญทำทานด้วยกัน คนละ ฿108 บาท
ผู้มีปัญญา รู้ความประสงค์ ปราศจากความตระหนี่ ย่อมให้ทานในกาลที่ควรให้ เพราะผู้ให้ทานตามกาลในพระอริยเจ้าทั้งหลาย ผู้ปฏิบัติซื่อตรง ผู้มีใจคงที่ เป็นผู้มีใจผ่องใส ทักขิณาทานจึงจะมีผลไพบูลย์ ชนเหล่าใดย่อมอนุโมทนา หรือช่วยเหลือในทักขิณาทานนั้น ทักขิณาทานนั้นย่อมไม่มีผลบกพร่อง เพราะการอนุโมทนาหรือการช่วยเหลือนั้น แม้พวกที่อนุโมทนาหรือช่วยเหลือ ย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งบุญ เพราะฉะนั้น ผู้มีจิตไม่ท้อถอยจึงควรให้ทานในเขตที่มีผลมาก บุญทั้งหลายย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลายในปรโลก ฯ
กาลทานสูตร อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต : Chaloke “ประชานิยม ปัญหาหนี้สินของชาติ” จันทร์, 21 กันยายน 2009



บทที่ 3
เริ่มต้นลงทุนตลาดหลักทรัพย์ในเมืองไทย


เตรียมเครื่องก่อนบิน (เข้ากองไฟ)
1. Set up (อ่านว่าไรหว่า ซีตุ๊บหรือซีตั๊บ) ติดตั้งโปรแกรม Metastock (เอ่อ ลืมบอก ต้องมีเครื่องคอมพิวเตอร์ก่อนครับถึงจะลงโปรแกรมได้)
1.1 ลงสูตร CDC PnT 1.1 Original

2. Set up โปรแกรม The Stock Downloader version 2.0 build 20100818
2.1 ลงข้อมูลแต่ละตลาด

3. เปิดบัญชีซื้อขายกับโบรกเกอร์
ชอบตลาดไหนเลือกเปิดตามใจชอบ SET, T-FEX, AFET ฯลฯ

4. เลือกกองไฟที่จะบินเข้าไปเล่น
ตลาดหลักทรัพย์เมืองไทยมีอะไรให้ลงทุน

SET
Stock (หุ้น)

T-FEX
SET50 Index Futures
SET50 Index Options
Single Stock Futures
Gold Futures

AFET
ยางแผ่นรมควันชั้น 3
ข้าวหอมมะลิ 100%
ข้าวขาว 5%
มันสำปะหลังเส้น

5. จัดพอร์ตลงทุนในแต่ละตลาด

Portfolio management ขนาด 3 ล้านบาท

12.5% ตลาดหุ้น 16 ตัว (Long only)
12.5% ตลาด TFEX (Short only)
12.5% ตลาด ยางพารา (Stop and reverse)
12.5% ตลาด ข้าว (Stop and reverse)
25% ตลาดทองคำ (Stop and reverse)

และสำหรับ Portfolio ขนาดใหญ่ เพิ่มการลงทุนในพันธบัตรระยะสั้น หน่วยลงทุน พลังงาน อสังหาริมทรัพย์ และพิจารณาการถือครอง Wealth ใน currency ของประเทศที่มีทรัพยากรณ์ธรรมชาติ และไม่ใช้นโยบายงบประมาณขาดดุลย์ที่สูงมาก เช่น Australian Dollar หรือ Canadian Dollar : Uncle Chaloke “เศรษฐกิจฟื้นตัว” จันทร์, 22 กุมภาพันธ์ 2010

6. ซื้อขายตามระบบ CDC PnT 1.1 Original
เขียวแท่งแรก ซื้อ แดงแท่งแรก ขาย (ไม่ต้องคิดมาก)

เครดิต:http://www.chaloke.com

1 ความคิดเห็น: