วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554

บทที่1-อิสรภาพทางการเงินขั้นพื้นฐาน

ตลอดระยะเวลา 4 ปี ที่ก่อตั้ง และเฝ้าดูแลชมรมแห่งนี้ ผมเห็นผู้คนผ่านเวียนกันเข้ามามากมาย พวกเขาเหล่านี้ตื่นเต้น และรู้สึกมีความหวังทุกครั้งที่ได้พูดคุย และร่วมเล่นเกมกระแสเงินสด รวมถึงกิจกรรมอื่นๆที่ทางชมรมจัดขึ้นเสมอมา

ส่ิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตเห็น และสามารถสรุปความได้โดยไม่ถือเป็นการปรามาสผู้คนจนเกินไปก็คือ คนส่วนใหญ่ที่พบเจอกันนั้น ยังคงวิ่งวนอยู่ในปัญหาทางการเงิน ยังคงมีชีวิตที่เหนื่อย หลายคนเฝ้าเพียรหาแต่ "วิธีการ" โดยที่ "หลักคิด" หรือหลักยึดของพวกเขานั้นยังไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย

และนี่เอง คือ สิ่งที่ทำให้พวกเขายังคงทุกข์ใจกับชีวิตทางการเงินของตัวเอง

มีอยู่ครั้งหนึ่งหลังจากจบเกมกระแสเงินสด ผมได้นำเสนอแนวคิด "อิสรภาพทางการเงินขั้นพื้นฐาน" ไว้ให้กับเพื่อนๆ ในชมรม ด้วยแนวคิดง่ายๆว่า หากฝันมันยังอยู่ไกล ก็จงทำมั่นใจว่า อย่างน้อยตัวเองก็ยังเดินอยู่บนทิศทางที่ถูกต้อง

"ทิศทาง สำคัญกว่าความเร็ว" นี่คือคำพูดล่าสุดที่ผมฝากไว้กับเพื่อนๆ ใน Money Camp 12 ซึ่งผมเองก็เชื่อเช่นนั้นจริงๆ

จนวันนี้ วันที่วิกฤติเศรษฐกิจรุมเร้า ผมได้รับเมล์จากเพื่อนในชมรม 2-3 ท่าน เมล์มาขอบคุณที่ผมบอกเล่าเรื่องเกี่ยวกับ อิสรภาพทางการเงินขั้นพื้นฐานในวันนั้น เพราะในวันนี้ วันที่ทุกคนมีปัญหา เขากลับมีความสุขกาย สบายใจ และรู้สึกปลอดภัย แถมยังมีสติมากกว่าคนทั่วไปอีกด้วย

แม้จะเป็นคนเพียงสองสามคนจากคนนับพัน มันก็ทำให้ผมได้ชื่นใจ และเชื่อมั่นต่อไปว่า การเดินทางของผมและท่านชายโจ้ (รวมไปถึงคุณ theyong) ยังไม่มือเปล่าจนเกินไปนัก

เนื่องในโอกาสครบรอบ 4 ปี ในปลายเดือนนี้ ผมขอนำเอาแนวคิดดังกล่าว มาฝากกับทุกท่านอีกครั้ง โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า แนวคิดนี้ จะช่วยให้ท่านมีความสุขในปัจจุบัน และในทุกก้าวย่างของอนาคตครับ

******************************************************

1. เก็บออมอย่างต่ำ 10% ของรายรับ: อย่างที่ทุกท่านทราบกันดีว่า "ความมั่งคั่ง" เกิดจากการ "สะสม" ดังนั้น มันจึงไม่สำคัญว่า คุณหาเงินได้มากแค่ไหน แต่มันขึ้นอยู่กับว่า คุณเก็บเงินได้มากเพียงใดต่างหาก

เคยมีผลการสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับอุปนิสัยในการออม เทียบกับสถานะทางการเงิน พบว่า บุคคลที่ออมได้ในระดับ 10% ของรายรับ จะเป็นผู้ที่มีสถานะทางการเงินอยู่ในระดับ "พอมีพอกิน" ไม่เดือดร้อน แต่ถ้าจะให้ถึงระดับมั่งคั่งแล้วละก็ จะต้องออมถึงระดับ 20% ของรายรับเลยทีเดียว

สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยเริ่มต้นออม (หรือเอาแต่นั่งฝันว่าสักวันจะออม) การเริ่มต้นที่ระดับ 10% ก็ถือว่าเป็นระดับที่ดี แต่สำหรับคนที่มีปัญหาทางการเงิน การเริ่มต้นออม 3-5% ก็เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ครับ

2. ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง: ใช้ชีวิตง่ายๆ ตามแนวพระราชดำรัส ด้วยการประคองความคิด และสติให้อยู่ในกรอบของ "ความมีเหตุผล" "รู้จักพอประมาณ" และ "มีภูมิคุ้มกัน" เพียงหลักการง่ายๆ แค่นี้ ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ชีวิตของท่านอยู่รอดปลอดภัยจากปัญหา และวิกฤติการณ์ทั้งปวง หรือแม้เมื่อมีภัยมา การดำรงสติไว้อย่างมั่นคง บนหลัก 3 ประการดังกล่าว ก็ยังดีพอที่จะช่วยประคับประคองชีวิตของท่านให้ผ่านพ้นเรื่องเลวร้ายได้

3. สำรองเงินไว้ใช้จ่าย 6 เดือน: เป้าหมายแรกของการเก็บเงิน ไม่ใช่การเก็บออมเพื่อไว้ใช้ตอนแก่ หรือเก็บออมไว้ลงทุน แต่เป็นการเก็บออมเพื่อสำรองไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน เปรียบเสมือนการสร้างฟูกหนาๆ ไว้รองรับตัวเองในวันที่ไม่คาดฝัน อาทิ ตกงาน ถูกเบี้ยวค่าแรง หรือเจ็บป่วยจนไม่สามารถทำงานได้ เป็นต้น

การมีเงินสำรองในระยะเวลาที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณมีเวลาคิดอ่าน และมีสมาธิในการแก้ไขปัญหา มากกว่าคนที่ไม่มีฟูกรองกันล้มอยู่เลย หลักการของการสำรองเงินก็คือ นำเงิน 10% มาสะสมให้ได้เท่ากับ 6 เท่าของรายจ่ายต่อเดือน เช่น หากคุณมีรายจ่ายต่อเดือนเท่ากับ 20,000 บาท คุณก็ควรที่มีเงินสำรองไว้เท่ากับ 120,000 บาท (20,000 x 6) เป็นต้น

4. ประกันความเสี่ยงทุกประเภท: คนเรามักมองโลกในแง่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องของความเสี่ยง "คงไม่เกิดกับเราหรอก" "คนๆนั้นเขาโชคร้ายจริงๆ" เหล่านี้คือความคิดของคนที่ไม่พร้อมจะมีอิสรภาพทางการเงินเลยแม้แต่น้อย เริ่มต้นวันนี้ ด้วยการหันมามองชีวิต และสุขภาพของตัวเอง จากนั้นเผื่อแผ่ไปยังทรัพย์สินต่างๆ เลือกทำประกันความเสี่ยงที่เหมาะสม ไม่มากไป ไม่น้อยไป ควรแก่การณ์ เพื่อให้ยามค่ำคืน เป็นช่วงเวลาแห่งการนอนหลับและเป็นสุขสมบูรณ์ ปราศจากความวิตกกังวลใดๆ อย่างแท้จริง

5. เรียนรู้ตลอดชีวิต: ในโลกแห่งการเงิน "ยิ่งเรียนรู้มาก ยิ่งสร้างความมั่งคั่งได้มาก" หรือ High Understanding, High Returns ดังนั้น จงอยู่ลืม "ลงทุน" เวลาให้กับการเรียนรู้ โดยการอ่านหนังสือ เข้าร่วมอบรมสัมมนา พบปะพูดคุยกับผู้คน หรือเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มที่ท่านสนใจ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ และทักษะทางการเงินของคุณให้สูงขึ้น เพราะในท้ายที่สุดแล้ว เครื่องมือทางการเงินที่ทรงคุณค่าที่สุด ไม่ใช่ หุ้น ตราสารทางเงิน อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ หรือธุรกิจใดๆ แต่มันคือ "ความฉลาดทางการเงิน" ที่สะสมอยู่ในตัวคุณ

6. บริจาคตามกำลัง: ความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ที่แท้จริง เกิดขึ้นในใจ คนที่มีมาก แต่ยังให้ หรือแบ่งปันให้ผู้อื่นไม่ได้ เขาเหล่านั้นเป็นเพียงคนลโมภ ไม่ใช่คนมั่งคั่ง ดังนั้น เพื่อยกระดับความมั่งคั่ง และจิตวิญญาณของคุณ อย่าลืมที่จะแบ่งปันสิ่งที่คุณมีให้กับคนรอบข้างอยู่เสมอ ตามกำลัง ไม่เบียดเบียนตัวเอง และอย่าคิดเอาเองว่าสิ่งที่มีอยู่นั้นน้อย เพราะบางสิ่งที่เล็กๆน้อยๆ ของเรานั้น อาจมีค่ายิ่งสำหรับคนที่รอคอยมันอยู่ก็ได้

********************************************************
ที่มา:http://www.richdadthai.com/rdtboard/viewtopic.php?f=5&t=4288
บทความโดย:คุณDavinci ผู้ก่อตั้งชมรม RichDadthai

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น